วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2553

รูปแบบของ กริยา 3 ช่อง Regular Verbs

รูปแบบของ กริยา 3 ช่อง Regular Verbs
1. Verbs บางคำที่ลงท้ายด้วย y ในรูป Present Tense (ปัจจุบัน ช่อง1) เมื่อเปลี่ยนเป็น Past Tense (อดีต ช่อง2) และ Past Participle (ช่อง3) จะเปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม ed ลงท้าย เช่น Persent Past Past Participle คำแปล accompany accompanied accompanied มากับ,ไปกับ amplify amplified amplified ขยายให้มาก apply applied applied ร้องเรียน,ขอสมัคร beautify beautified beautified สวยงาม cry cried cried ร้องไห้ deny denied denied ปฏิเสธ envy envied envied อิจฉา gratify gratified gratified ทำให้สำเร็จ harry harried harried ทำให้เสียหาย imply implied implied หมายความว่า justify justified justified แสดงหลักฐาน marry married married แต่งงาน nutrify nutrified nutrified ให้อาหาร occupy occupied occupied ครอบครอง pity pitied pitied สงสาร ratify ratified ratified อนุมัติ study studied studied ศึกษา try tried tried พยายาม unify unified unified รวมกัน vary varied varied เปลี่ยนแปลงไป worry worried worried กังวล
2. Verbs บางคำที่ลงท้ายด้วย e ในรูป Present Tense (ปัจจุบัน ช่อง1) เมื่อเปลี่ยนเป็น Past Tense (อดีต ช่อง2) และ Past Participle (ช่อง3) เติม d เพียงตัวเดียว เช่น Persent Past Past Participle คำแปล amaze amazed amazed ทำให้ประหลาดใจ bathe bathed bathed อาบน้ำ care cared cared ระมัดระวัง dance danced danced เต้นรำ efforce efforced efforced พยายาม face faced faced เผชิญหน้า graduate graduated graduated รับปริญญา hate hated hated เกลียดชัง implore implored implored อ้อนวอน judge judged judged พิพากษา laze lazed lazed เกลียดคล้าน masticate masticated masticated เคี้ยว narrate narrated narrated บรรยาย ogle ogled ogled ยักคิ้ว paddle paddled paddled พายเรือ regale regaled regaled ยกยอ smile smiled smiled ยิ้ม tune tuned tuned ตั้งเสียง whistle whistled whistled เป่านกหวีด yoke yoked yoked เข้าคู่
3. Verbs ต่อไปนี้เปลี่ยนรูปจาก Present Tense (ปัจจุบัน ช่อง1) เป็น Past Tense (อดีต ช่อง2) และ Past Participle (ช่อง3) ด้วยการเติม ed ลงไปตามกฏเกณฑ์ เช่น Persent Past Past Participle คำแปล absent absented absented ไม่อยู่ band banded baned รวมพวก chew chewed chewed เคี้ยว push pushed pushed เสือก rain rained rained ฝนตก step steped steped ก้าวเดิน talk talked talked พูดคุย visit visited visited เยี่ยมเยือน wed weded weded แต่งงาน
"Irregular Verbs"
หมายถึง กริยาที่ผันเป็นรูป Past Tense (อดีต ช่อง2) และ Past Participle (ช่อง3) โดยการเปลี่ยนสระ หรือ พยัญชนะหรือคงรูปเดิม เช่น Persent Past Past Participle คำแปล arise arose arisen ลุกขึ้น become became become กลายเป็น cast cast cast ขว้าง do did done ทำ earn earned earned หาเลียงชีพ feel felt felt รู้สึก get got got,gotten ได้รับ hang hung,hanged hung,hanged ห้อย improve improved improved ทำให้ดีขึ้น judge judged judged ตัดสิน know knew known รู้ lead led led นำ,พา make made made ทำ neglect neglected neglected ละเลย open opened opened เปิด put put put วาง read read read อ่าน sell sold sold ขาย think thought thought คิด ondo undid undone แก้ win won won ชนะ
"Singular & Plural"
กฏการเปลี่ยนรูปของคำนามจากเอกพจน์เป็นพหูพจน์
กฎข้อที่ 1 ถ้าคำนามนั้นมีตัวสะกดลงท้ายด้วย s,ss,sh,ch,x และ z ให้เติม es ที่ท้ายคำนั้น เช่น
เอกพจน์ พหูพจน์ ความหมาย abbess abbesses หัวหน้าชี box boxes กล่อง church churches โบสถ์ dish dishes จาน eyelash eyelashes ขนตา fox foxes สุนัขจิ้งจอก glass glasses แก้ว kiss kisses จูบ lash lashes ขนตา match matches ไม้ขีดไฟ sandwich sandwiches ขนมปังประกบหมูแฮมไข่ tax taxes ภาษี virus viruses พิษ,เชื้อโรคต่างๆ wish wishes คำอวยพร,คำอธิษฐาน
ยกเว้น
ถ้าคำนามมีตัวสะกดลงท้ายด้วย ch แต่ ch นั้นออกเสียงเป็น k ให้เติม s ได้เลย เช่น
เอกพจน์ พหูพจน์ ความหมาย epoch epochs ยุค monarch monarchs พระมหากษัตริย์ stomach stomachs ท้อง,กระเพาะ
กฎข้อที่ 2 ถ้าคำนามนั้นมีตัวสะกดที่ลงท้ายด้วย y และตัวสะกดก่อนหน้า y เป็นพยัญชนะธรรมดา (consonant ยกเว้น a,e,I,o,u) ให้เปลี่ยน y เป็น I แล้วเติม es เช่น เอกพจน์ พหูพจน์ ความหมาย ability abilities ความสามารถ body bodies ร่างกาย cemetery cemeteries ป่าช้าฝังศพ duty duties หน้าที่,ความเคารพ,ภาษี,อากร electricity electricities ไฟฟ้า,กระแสไฟฟ้า factory factories โรงงาน gallery galleries ทางเดินมีหลังคา,ห้องแสดงภาพ history histories ประวัติศาสตร์ industry industries อุตสาหกรรม jury juries คณะกรรมการสำหรับการตัดสินการแข่งขัน landlady landladies เจ้าของบ้าน,ผู้หญิงเจ้าของโรงแรม machinery machineries เครื่องกลไก,เครื่องมือ,กลไก property properties ทรัพย์สมบัติ secretary secretaries เลขานุการ tootsy tootsies คู่รักที่เป็นหญิง utility utilities ประโยชน์,หุ้นบริษัทสาธารณูปโภค visionary visionaries (คน)ชอบฝัน,สร้างวิมานในอากาศ waranty waranties การประกัน zealotry zealotries ความบ้า,ความรุนแรง กฎข้อที่ 3 ถ้าคำนามนั้นมีตัวสะกดลงท้ายด้วย y และตัวสะกดก่อนหน้า y เป็นสระ a,e,I,o,u อาจเติม s หลัง y ได้เลยโดยไม่ต้องเปลี่ยน y เป็น I แล้วเติม es เช่น
เอกพจน์ พหูพจน์ ความหมาย abbey abbeys วัด essay essays ความพยายาม galley galleys เรือโบราณในสมัยกรีก,ห้องครัวในเรือ play plays ละคร,เรื่องละคร survey surveys แผนที่,กรมสำรวจ,กรมแผนที่ turnkey turnkeys ผู้ถือกุญแจห้องขัง volley volleys การยิงพร้อมกัน
กฎข้อที่ 4 ถ้าคำนามนั้นมีตัวสะกดลงท้ายด้วย o และตัวสะกดก่อนหน้า o เป็นพยัญชนะธรรมดา (consonant, ยกเว้น a,e,I,o,u) ให้เติม es ท้าย o เช่น
เอกพจน์ พหูพจน์ คำแปล cargo cargoes สินค้าที่บรรทุกเรือ echo echoes เสียงสะท้าน,เครื่องส่อ hero heroes ผู้กล้าหาญ,วีรบุรุษ,คนเก่ง mosquito mosquitoes ยุง negro negroes คนนิโกร potato potatoes มันฝรั่ง tobacco tobaccoes ต้นยาสูบ,ยาเส้น veto vetoes การยับยั้ง zucchetto zucchettoes หมวกชนิดหนึ่ง
ยกเว้น
คำนามที่มีตัวสะกดลงท้ายด้วย o และตัวสะกดก่อนหน้า o เป็นพยัญชนะธรรมดา แต่เป็นคำที่เกี่ยวกับเรื่องดนตรี หรือคำพิเศษบางคำ ให้เติม s ได้เลยโดยไม่ต้อง ใช้ es เช่น
เอกพจน์ พหูพจน์ คำแปล auto autos รถยนต์ banjo banjos แบนโจ(เครื่องดนตรีชนิดหนึ่ง) concerto concertos การเล่นดนตรีชนิดหนึ่งซึ่งใช้เครื่องดนตรี บางชนิดเป็นหลักและใช้วงใหญ่รับ dynamo dynamos เครื่องทำกระแสไฟฟ้าชนิดขดลวดหมุนผ่านแม่เหล็ก memento mementos ของที่ระลึก halo halos รัศมี,บุญวาสนา,บารมี piano pianos เปียโน soprano aopranos นักร้องสตรีเสียงสูง torso torsos ลำตัว virtuoso virtuosos ผู้มีความรู้ในศิลปะ,ผู้รักศิลปะ yo-yo yo-yos ลูกดิ่ง กฎข้อที่ 5 ถ้าคำนามนั้นมีตัวสะกดลงท้ายด้วย o และตัวสะกดก่อนหน้า o เป็นสระ ( vowel a,e,I,o,u) อาจเติม S ท้าย o ได้ทันที เช่น
เอกพจน์ พหูพจน์ คำแปล cameo cameos รูปสลักเล็กๆ สำหรับทำแหงนหรือห้อยคอ embryo embryos ลูกซึ่งอยู่ในท้อง patio patios ลานหรือระเบียงติดกับบ้านไม่มีหลังคา ratio ratios สัดส่วน,อัตราส่วน studio studios ห้องถ่ายรูป,ห้องส่งวิทยุกระจายเสียง vireo vireos นกเล็กๆ ชนิดหนึ่ง zoo zoos สวนสัตว์
กฎข้อที่ 6 ถ้าคำนามนั้นมีตัวสะกดลงท้ายด้วย f หรือ fe ให้เปลี่ยน f หรือ fe เป็น v แล้วเติม es เช่น
เอกพจน์ พหูพจน์ คำแปล calf calves น่อง half halves ครึ่ง knife knives มีด leaf leaves ใบไม้ life lives ชีวิต self selves ตนเอง thief thieves ขโมย,ผู้ร้ายลักรถ whaef wharves ท่าสำหรับเรือใหญ่เข้าเทียบ
ยกเว้น
คำนามบางคำที่มีตัวสะกดลงท้ายด้วย f หรือ fe แต่ไม่ต้อง เปลี่ยน f หรือ fe เป็น ves คือเติม s หลัง f ได้เลย เช่น เอกพจน์ พหูพจน์ คำแปล belief beliefs ความเชื่อ,ความไว้วางใจ chief chiefs หัวหน้า,ผู้บังคับบัญชา,นาย dwarf dwarfs คน,สัตว์ handkerchief handkerchiefs ผ้าเช็คหน้า plaintiff plaintiffs บุคคลที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการพิพากษาคดี roof roofs หลังคา,เพดานในปาก safe safes ตู้นิรภัย,ความปลอดภัย
กฎข้อที่ 7 คำนามที่ต้องเปลี่ยนรูปเมื่อเป็นพหูพจน์ เช่น
เอกพจน์ พหูพจน์ คำแปล child children เด็ก,บุตร foot feet เท้า,ฝีเท้า goose geese คนโง่,ห่าน louse lice เหา,หมัด,ไร man men ผู้ชาย,คนขี้อาย ox oxen วัวตัวผู้ penny pence เงินหรือเหรียญของอังกฤษ tooth teeth ฟัน,ซี่หวี่ upperclassman upperclassmen คนผู้ดี,คนชั้นสูง woman women ผู้หญิง yardman yardmen คนทำสวน
กฎข้อที่ 8 คำนามที่รูปของคำมี - (hyphen) เมื่อต้องการจะเปลี่ยนเป็นพหูพจน์ ให้พิจารณาหาส่วนที่สำคัญหรือส่วนที่เป็นความหมายเอกพจน์ (principal) ของคำนั้นแล้วทำส่วนนั้นให้เป็นพหูพจน์ เช่น
เอกพจน์ พหูพจน์ คำแปล brother-in-law brothers-in-law พี่เขย,น้องเขย court-martial courst-martial, ศาลทหาร court-martials editor-in-chief editors-in-chief หัวหน้าบรรณาธิการ father-in-law fathers-in-law พ่อสามี,พ่อตา mother-in-law mothers-in-law แม่สามี,แม่ยาย sister-in-law sisters-in-law พี่สะใภ้,น้องสะใภ้ wagon-lit wagons-lits รถนอนของขบวนรถไฟของฝรั่งเศล
กฎข้อที่ 9 ตัวเลข ตัวอักษร และเครื่องหมายในบางกรณี เมื่อจะทำให้เป็นพหูพจน์ ให้เติม 's เช่น
เอกพจน์ พหูพจน์ 2 2's 48 48's A A's * *'s # #'s
ยกเว้น
ถ้าตัวเลขจำนวนนั้น เขียนอยู่ในรูปของตัวอักษร การเปลี่ยนเป็นพหูพจน์ ทำได้โดยเติม s เลย เช่น
เอกพจน์ พหูพจน์ eight eights fifty-sixes fifty-sixes twenty-three twenty-threes zero zeros, zeroes
กฏข้อที่ 10 ในภาษาอังกฤษแบบเก่าจะมีรูปพหูพจน์สำหรับ Mr. , Mrs. และ Miss คือ
เอกพจน์ พหูพจน์ Mister (Mr,) Messrs. (มาจาก Messicurs) Missis (Mrs.) Mmes. (มาจาก Mesdames) Miss (Ms.) Misses
หมายเหตุ
โอกาสที่จะใช้ เช่น เมื่อจะเขียนจดหมายถึงสามพี่น้องตระกูล Smith แทนที่จะเขียนว่า Dear Mr. Smith, Mr,Smith and Mr, Smith อาจเขียนว่า Dear Messrs. Smith แต่ในปัจจุบันจะไม่ค่อยได้พบรูป แบบนี้แล้ว ในกรณีดังกล่าวอาจเขียนว่า Dear Gentlemen
กฎข้อที่ 11 มีคำนามอยู่กลุ่มหนึ่งซึ่งใช้รูปเดียวกันทั้งเอกพจน์ และ พหูพจน์ เช่น
เอกพจน์ พหูพจน์ คำแปล abatis abatis กับดัก,หลุมพราง corps corps คณะ,เหล่า deer deer กวาง fish fish ปลา gross gross (กำไร) รวมยอด,ทั้งหมด head (of cattle) head การนับจำนวนสัตว์เป็นรายตัว Japanese Japanese คนญี่ปุ่น means (method) means วิถีทาง sheep sheep แกะ tinworks tinworks โรงงานแปรรูปดีบุก volte-face volte-face การหันตัวกลับอย่างรวดเร็ว, การกลับความเห็น waterfowl waterfowl นกน้ำ yuan yuan หยวน,หน่วยเงินของจีน zuni zuni, zunis ชนเผ่าอินเดียที่อาศัยอยู่ใน อเมริกาเหนือ
หมายเหตุ
การที่เราจะทราบวว่าคำนั้นมีความหมายเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ต้องดู จากความหมายของรูปประโยคนั้น
กฎข้อที่ 12 โดยปกติคำนามนับไม่ได้ (uncountable noun) จะอยู่ในรูปเอกพจน์เสมอ (ไม่มีรูปพหูพจน์) แต่ก็มีคำนามนับไม่ได้บางคำที่มีรูปของคำเหมือนเป็นพหูพจน์แต่ที่จริง เป็นเอกพจน์ เช่น
เอกพจน์ คำแปล econnmics เศรษฐกิจ,เศรษฐศาสตร์ measles หลักจรรยา,ธรรมะ,จริยศาสตร์ news เรื่องใหม่,ข่าว,ความรู้ใหม่ politics วิชาการปกครอง
ตัวอย่าง
Politics is a vital field. Economics is an interesting field.
กฎข้อที่ 13 มีคำนามบางคำที่จะอยู่ในรูปพหูพจน์เท่านั้น (ไม่มีรูปเอกพจน์) คำนามประเภท นี้มักจะเป็นชื่อสิ่งของที่ประกอบด้วย 2 ส่วนที่มีลักษณะคล้ายๆ กัน เช่น
เอกพจน์ พหูพจน์ คำแปล auspices ฤกษ์,ความอุปถัมภ์ binoculars กล้องส่องทางไกล clothes เสื้อผ้า,เครื่องนุ่งห่ม glasses แว่นตา headquarters กองบัญชาการ,สำนักงานใหญ่ pajamas เสื้อนอน riches ทรัพย์ spectacles แว่นตา tights เสื้อกางเกงยืดแนบเนื้อ underpants กางเกงใน victuals อาหาร,เสบียง willies ระบบประสาท,อาการอย่างหนึ่งทางประสาท
กฎข้อที่ 14 มีคำนามบางคำที่มีรากศัพท์มาจากภาษาอื่น เช่น กรีก หรือลาติน จะมี กฎการเปลี่ยนรูปเป็นพหูพจน์ที่แปลกไป คือ
14.1 ถ้าคำนามนั้นมีตัวสะกดลงท้ายด้วย is ต้องเปลี่ยน is เป็น es เช่น
เอกพจน์ พหูพจน์ พหูพจน์ analysis analyses การวิเคราะห์ basis bases หลักสำคัญ,เกณฑ์,มาตรฐาน crisis crises ขั้นฉุกเฉิน,วิกฤตกาล hypothesis hypotheses สมมติฐาน oasis oases ที่ที่มีน้ำและต้นไม้กลางทะเลทราย parenthesis parentheses ข้อความในวงเล็บ synopsis synopses ประมวลเรื่อง,สรุปความ,ย่อเรื่อง thesis theses ข้อสมมติ,วิทยานิพนธ์
14.2 ถ้าคำนามนั้นมีตัวสะกดลงท้ายด้วย um ต้องเปลี่ยน um เป็น a และ us เป็น i เช่น
เอกพจน์ พหูพจน์ คำแปล agendum agenda,agendums ระเบียบวาระการประชุม nucleus nuclei จุดศูนย์กลาง,แก่น radius radii รังสีของดวงอาทิตย์,รัศมีของวงกลม stimulus stimuli เครื่องเร้า,เครื่องกระตุ้น uterus uteri,uteruses มดลูก villus villi อวัยวะในลำไส้ใหญ่
14.3 ถ้าคำนามนั้นมีตัวสะกดลงท้ายด้วย a ต้องเติม e ท้าย a เช่น
เอกพจน์ พหูพจน์ คำแปล alumna (female) alumnae นิสิตเก่า (หญิง) formula formulae,formulas เกณฑ์,กฎ,หลัก,สูตร tibla tiblae กระดูกหน้าแข้ง,หน้าแข้ง uvula uvulae ลิ้นไก่ vertebra vertebrae ข้อกระดูกสันหลัง
14.4 ถ้าคำนามนั้นมีตัวสะกดลงท้ายด้วย ex หรือ ix ต้องเปลี่ยน ex หรือ ix เป็น ices เช่น
เอกพจน์ พหูพจน์ คำแปล appendix appendices, ภาคผนวกของหนังสือ, appendixes ส่วนต่อท้าย index indexes, เครื่องชี้,สารบัญ, indices ดัชนี
กฎข้อที่ 15 ประเภทคำพิเศษที่ไม่เข้ากฎใดๆ ทั้งสิ้น เช่น
เอกพจน์ พหูพจน์ คำแปล abducens abducentes ชื่อเส้นประสาทจากสมองถึง ดวงตา tonneau tonneaus, ตอนหลังของรถยนต์สองตอน tonneaux trauma traumas, แผล traumata

"Tense" หมายถึง การแสดงเวลาของกริยาในประโยคว่า ทำอยู่ขณะนี้ ได้ทำแล้วหรือจะทำต่อไป ดังนั้น Tense จึงมีส่วนสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับ Verb เพราะเมื่อรูปของ Verb เปลี่ยนไป ก็มีผลทำให้ Tense เปลี่ยนตามไปด้วย Present Simple Tense (ปัจจุบันธรรมดา)
โครงสร้าง
[ Subject(ประธาน) + V.1 + Object(กรรมของกริยา) ]
ตัวอย่าง
- Affirmative Statements (ประโยคบอกเล่า) I eat fresh fruit. He eats fresg fruit. หมายเหตุ ประธานเป็นพหูพจน์ไม่ต้องเติม s เติม s เมื่อประธานเป็นเอกพจน์ เฉพาะประโยคบอกเล่า
- Negative Statements (ประโยคปฏิเสธ) I don't eat fresh fruit. He doesn't eats fresg fruit. หมายเหตุ ประธานเป็นพหูพจน์ ใช้ don't เมื่อประธานเป็นเอกพจน์ใช้ doesn't
- Yes / No Questions (ประโยคคำถาม โดยใช้ Yes/No) Do you eat fresh fruit? Does he eat fresh fruit? หมายเหตุ ประธานเป็นพหูพจน์ ใช้ do เมื่อประธานเป็นเอกพจน์ใช้ does
- Short Answers (การตอบ Yes/No แบบสั้น) Yes, I do. , No, I don't. Yes, he does. , No, he doesn't. หมายเหตุ ประธานเป็นพหูพจน์ ใช้ do เมื่อประธานเป็นเอกพจน์ใช้ does - Information Questions (ประโยคคำถาม โดยใช้ Wh ) who do you teach on Tuesdays? What does he eat? where do they travel in the winter? หมายเหตุ ประธานเป็นพหูพจน์ ใช้ do เมื่อประธานเป็นเอกพจน์ใช้ does
Present Continuous Tense (ปัจจุบันกำลังกระทำ)
โครงสร้าง
[ Subject(ประธาน) + is,am,are + Verb (รูปเดิม) Object(กรรมของกริยา) ]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น